ความหย่อนคล้อยของใบหน้าเกิดได้จากการเปลี่ยนแปลงของผิวในชั้นหนังแท้ ชั้นไขมัน กระดูก และชั้นพังผืดใต้ชั้นไขมัน ที่เราเรียกกันว่าชั้น SMAS (ปกติชั้นนี้ แพทย์ศัลยกรรมจะใช้ดึงหน้าให้หน้าดึงเวลาผ่าตัด) การผ่าตัดดึงหน้า ในบางรายยังอาจดูไม่เป็นธรรมชาติ สาเหตุส่วนหนึ่งเกิดจากการที่ชั้นอื่นๆ ยังไม่ได้รับการแก้ไขทั้งหมดนั่นเอง
ปัจจุบันมีเทคโนโลยีมากมายที่ช่วยยกกระชับหน้า การจะเลือกเครื่องมือหรือวิธีการไหน ขึ้นกับสภาพผิวหน้าของแต่ละบุคคล เทคโนโลยีที่ใช้ช่วยกระชับใบหน้าจะช่วยฟื้นฟูผิวที่ชั้นต่างๆ ดังนี้
ผิวชั้นหนังแท้
กระบวนการยกกระชับหน้าทำได้โดย
- เลเซอร์ : ความหย่อนคล้อยเกิดจากคอลลาเจนในชั้นผิวลดลงหรือเสื่อมสภาพไปตามวัย เลเซอร์ที่ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนให้กับชั้นผิวและยกกระชับหน้าได้ เช่น collagen laser, long pulse Nd yag ,คลื่นวิทยุชนิดสองขั้ว (bipolar)
- Botulinum toxin : การฉีดสาร botulinum toxin หรือบางท่านอาจเรียก การฉีด lifting หรือ การฉีด botox/dysport lift ซึ่งเป็นการใช้ toxin ความเข้มข้นที่เจือจาง ฉีดสร้างกรอบหน้าและทำให้ผิวดูยกกระชับ
- Vital injector : เทคโนโลยีใหม่ล่าสุดในการยกกระชับผิวชั้นตื้น โดยจะใช้สารบำรุงผิวหลายๆ ชนิดและฟิลเลอร์ ฉีดเข้าไปที่ชั้นผิว นอกจากจะส่งผลให้ใบหน้าดูกระชับขึ้น ยังช่วยให้ผิวฟูและดูอิ่มน้ำ เปล่งปลั่งอีกด้วย
ผิวชั้นไขมัน
เมื่อเราอายุมากขึ้นไขมันที่หน้าบางส่วนจะหายไปทำให้เห็นร่องแก้ม ร่องใต้ตา ในขณะที่ไขมันบางส่วนเคลื่อนไปกองที่คางทำให้รูปหน้าดูผิดปกติ การรักษาในชั้นนี้จึงเป็นการเติมบางส่วนที่ขาดและจัดระเบียบไขมันที่อยู่ผิดที่นั่นเอง ซึ่งทำได้โดย
- การฉีดสารเติมเต็ม hyaluronic acid : หรือการฉีดฟิลเลอร์ เข้าไปช่วยเติมเต็มร่องต่างๆ บนใบหน้า นอกจากนั้นการฉีดฟิลเลอร์บางเทคนิคก็จะช่วยยกกระชับหน้าและจัดระเบียบไขมันได้อีกด้วย
Pneulift : คือ การใช้พลังงานลมช่วยส่งผ่านฟิลเลอร์เป็นละอองเล็กๆ ลงไปที่ผิวให้หน้าอิ่มและดู V-Shape ได้ วิธีการนี้เหมาะสำหรับผู้ที่กลัวเข็ม แต่ยังอยากใช้ฟิลเลอร์ช่วยเติมเต็มและยกกระชับหน้า นอกจากนั้นยังช่วยเติมเต็มหลุมสิวได้อีกด้วย